วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2558

 โบสถ์เก่าวัดช่องกุ่ม แม้นว่าจะไม่มีหลักฐานปรากฏอย่างแน่ชัดว่า สร้างขึ้นในสมัยใดแต่ประมาณได้จากหลักฐานคัมภีร์ใบลาน ที่มีอายุมากกว่า 167 ปีที่จารึกไว้เป็นภาษาขอมลาวและขอมเวียงจันทน์ โดยหลวงพ่อบุคคโล อดีต เจ้าอาวาสวัดช่องกุ่ม แปลเป็นภาษาไทยโดยมีนายฉลวย กุ่มเรือง ชาวบ้านช่องกุ่ม ทีมีความรู้เรื่องภาษาขอม จากหลักฐานเชื่อว่า โบสถ์เก่าวัดช่องกุ่มสร้างในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่สร้างขึ้นเพื่อทำสังฆกรรมของพระภิกษุและประกอบศาสนกิจต่างๆ
                                                              ................................................


     หลวงพ่อบุคคโล อดีตเจ้าอาวาสวัดช่องกุ่ม ชาวบ้านเชื่อกันว่า หลวงพ่อบุคคโล ขณะมีชีวิตสามารถหายตัวได้อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์บันดาลน้ำ บันดาลไฟ บันดาลลม บันดาลฝน ให้ตกลงมาในพื้นแผ่นดิน เวลาท่านเดินไปแข่งฝน ฝนตกมาก็ไม่เปียกหลวงพ่อบุคคโล ย่อย่นแผ่นดิน หายตัวได้จำแลงแปลงกายได้ ท่านเป็นผู้รักษาศีลมั่นคง มีจิตใจตั้งสมาธิตรงต่อพระพุทธศาสนา อุตสาหะ บำเพ็ญเพียร เจริญภาวนา แผ่เมตตาธรรมไปให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นพระเกจิที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก คู่บ้านคู่เมืองของชาวบ้านช่องกุ่ม มาเป็นเวลาช้านานและ เป็นที่เคารพสักการบูชาของพุทธศาสนิกชน ทั่วไปทั้งใกล้และไกล ต่างมีศรัทธาและเคารพในหลวงพ่อบุคคโลเป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นได้ว่าในแต่ละวันจะมีผู้มีจิตศรัทธามากราบไหว้บูชาท่านมิได้ขาด และบางคนมีความทุกข์ร้อนต่างก็มาบนบานท่าน เมื่อประสพผลสำเร็จตามที่ปรารถนาแล้ว ก็จะมาแก้บนตามที่บนบานไว้กันอยู่เป็นเนืองนิตย์มิได้ขาด

                                                                               ..........................................................
    
 หลวงพ่อบุคคโล ท่านเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์มาก คู่บ้านคู่เมืองของชาวบ้านช่องกุ่ม มาเป็นเวลาช้านาน และ เป็นที่เคารพสักการะกราบไหว้ของพุทธศาสนิกชน ทั่วไปทั้งใกล้และไกล ต่างมีศรัทธาและเคารพในหลวง พ่อบุคคโลเป็นจํานวนมาก ดังจะเห็นได้ว่าในแต่ละวันจะมีผู้มีจิตศรัทธา มากราบไหว้บูชาท่านมิได้ขาด และบาง คนมีความทุกข์ร้อนต่างก็มาบนบานท่าน เมื่อประสพผลสําเร็จตามที่ปรารถนาแล้ว ก็จะมาแก้บนตามที่บนบาน ไว้กันอยู่เป็นเนืองนิตย์มิได้ขาด ประวัติเก่าข้อมูลเดิมของหลวงพ่อบุคคโล ก่อนท่านยังไม่ได้อุปสมบท เดิมที ท่านเป็นคารวาส ชื่อว่านวนละออออง คําภีรปัญญา มาแต่จังหวัดเมืองศรีษะเกษ เป็นหมอลํามาก่อน มาแต่ ทางภาคอีสาน ท่านได้เดินทางมาท่องเที่ยวและเป็นหมอลําอยู่ในเขต อําเภอเมืองกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ตั้งแต่สมัยก่อนยังไม่มีชื่อหลวงพ่อบุคคโล ยังไม่มีอําเภอวัฒนานคร ท่านเป็นหมอลําเก่ามีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ ลูกหลานฟังว่า ท่านได้แข่งขันหมอลํากับคณะอื่นและแพ้เขา ตั้งแต่นั้นมาก็ได้มาเป็นพ่อค้าขายวัวควายแต่ก็ ขาดทุน จึงตัดสินใจเข้าวัดอุปสมบทมีพระครูทอง บ้านเหล่าคลองกลาง ตําบลหันทราย เป็นอุปชาอาจารย์ของ ท่านเป็นผู้มาอุปสมบทให้ เมื่อท่านอุปสมบทแล้วก็มาอยู่วัดช่องกุ่ม ท่านมีชีวิตอายุยืนยาวนาน ชื่อเสียงโด่งดัง ท่านตั้งชื่อของท่านว่า บุคคโลวัดช่องกุ่ม เมื่อท่านหลวงพ่อบุคคโลได้อุปสมบทในร่มกาสาวะพัส ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วท่านก็ตั้งใจศึกษาเล่า เรียน ปฏิบัติธรรมวินัยเรียนวิปัสสนากรรมฐาน อย่างเคร่งครัด ท่านได้อภิญญา ๖ คือ 
๑.ปุพเพนิวาสัญญาณประการ ๑ 
๒.อิทธิฤทธิ์ประการ ๑ 
๓.จักขุญาณประการ ๑ 
๔.ทิพยะโสตะญาณประการ ๑ 
๕.ประจิตตะญาณประการ ๑ 
๖.อะสะวะขะญาณประการ ๑ 
    ด้วยกันนี้ ชื่อว่าปุพเพนิวาสสัญญาณ หลวงพ่อบุคคโลท่านมีอิทธิฤทธิ์ลํารึกชาติแต่หนหลงได้ท่านมี บุญญาบารมีพิจารณาให้เห็นว่า ชาติอันตามเกิดที่นั้นมีสีสันพรรณนาอย่างนั้น ท่านเห็นว่าวรรณะสัญฐานใหญ่ น้อย อย่างนั้น ๆ มีนามอย่างนั้น ๆ มีอาหารเลี้ยงชีวิตชอบอย่างนั้นมีความสุขอย่างนั้น มีความทุกข์อย่างนั้น มี กรรมมีกําหนดอย่างนั้น มีอายุอย่างนั้น ท่านปรารถนาสิ่งใดก็ได้หมดทุกข็อย่างชื่อว่า ปุพเพนิวาสสัญญาณ ท่าน ตายจากชาตินี้แล้วได้ไปเกิดในที่นั้น ตายจากที่นั้นแล้วได้ไปเกิดที่นั้น หลวงพ่อบุคโลรําลึกชาติได้ดังนี้แล้ว ท่าน ได้สําเร็จญาณโลกีย์มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์บันดาลน้ํา บันดาลไฟ บันดาลลม บันดาลฝน ให้ตกลงมาในพื้น แผ่นดิน เวลาท่านเดินไปแข่งฝน ฝนตกมาก็ไม่เปียกหลวงพ่อบุคคโล ย่อย่นแผ่นดิน หายตัวได้จําแลงแปลงกาย ได้ ท่านกระทําไปต่าง ๆ นา ๆ ท่านมีความสามารถเสกน้ําชาเป็นน้ําเหล้าเสกน้ําเหล้าเป็นน้ําชา มองเห็น ตาอีโปง ตาโบก ตาถั่ว ลือชา ปรากฏชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกแห่งหน ได้ยินข่าวรู้ถึงหู เจ้าคณะอําเภอกบินทร์บุรี ว่าหลวงพ่อบุคคโลนี้กินเหล้าสูบกัญชา เจ้าคณะอําเภอกบินทร์บุรีได้ขี่ม้ามาถึงวัดช่องกุ่ม หวังจะมาขับไล่หลวง พ่อบุคคโล ให้ท่านลาสิขาออกจากการเป็นพระ แต่ก็เอาท่านออกไม่ได้ ขับไล่ท่านไม่ทัน เพราะหลวงพ่อบุคค โลท่านทําให้ใจอ่อน ท่านให้เอาน้ําร้อนน้ําชา มาต้อนรับ และฉันฑ์ร่วมกัน ท่านแสดงอิทธิฤทธิ์เดชปาฎิหารย์ บันดาลขึ้นมาทันที ทําให้เห็นทันตา เสกน้ําชาให้เห็นเป็นน้ําเหล้า เสกน้ําเหล้าให้เห็นเป็นน้ําชา เป็นที่อัศจรรย์ ใจ เจ้าคณะอําเภอใจอ่อน เพราะหลวงพ่อบุคคโลท่านมียวดญาณไตรแก้ว ท่านตรัสส่องดูแล้วมองเห็นหมดทุก อย่าง ท่านจะทําอย่างใดก็ได้ตามปรารถนาของท่าน ท่านจะดูสิ่งใดก็ได้ ท่านมีตาทิพย์ หูทิพย์ จะฟังสําเนียง เสียงอันใดก็ได้ยินหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ใครจะพูดจากันอย่างไรพูดใกล้หรือไกล ท่านก็ได้ยินหมดสุดแท้แต่ท่าน จะปรารถนาเอาเอง เมื่อท่านฟังแล้วได้ยินหมดทุกประการ ท่านมีความสามารถรู้จิตใจของคนได้เป็น อย่างดี หลวงพ่อบุคคโล ภูริปัญโญ ก็เห็นหมดทุกอย่าง ท่านได้ญาณโลกียะญาณสมาบัติ ระงับกิเลสลงไว้ได้ ท่านไม่ ยินดียินร้ายในการประเวณีของสัตว์อยู่ในโลกสงสาร ท่านได้บรรพชาอุปสมบท ก็ได้เจริญวิปัสนากรรมฐานมา มากเพียงพอสมความปรารถนาของท่าน ท่านมีปัญญาหลายอย่างดุจดังแผ่นดิน เมื่อขณะท่านนั่งฟังพระธรรม เทศนาก็จําได้แต่ต้นจนถึงปลาย จําเอาไปเล่าให้ผู้อื่นฟังได้ เพราะปัญญาของท่านดี เมื่อท่านฟังพระธรรม เทศนาจากครูอาจารย์ของท่าน ท่านก็จดจําเอาไว้ทุกสิ่งทุกประการ ท่านเป็นผู้รักษาศีลมั่นคง มีจิตใจตั้งสมาธิ ตรงต่อพระพุทธศาสนา อุตสาหะ บําเพ็ญเพียรเจริญภาวนา แผ่เมตตาธรรมไปให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย เมื่อท่านมี อายุยืนยาวนานาได้หลายพรรษา หลวงพ่อก็ได้มรณภาพ ด้วยสาเหตุอมลูกปรอทเอาไว้ เพื่อจะได้เหาะเหินเดิน ไปบนอากาศได้ ดังท่านปรารถนาเอาไว้ แต่ก็ไม่สําเร็จเพราะว่าหลวงพ่อท่านหลงลืมนอนหลับ ลูกปรอทหลุดลง ไปในลําคอ ลูกปรอทก็มีพิษทําลายชีวิตหลวงพ่อให้มรณภาพ ล่วงลับไปสู่สุขคติภูมิในพรมโลก สรวงสวรรค์ วัน เดือน ปี ก็จําไมได้ เขาไม่ได้จารึกเอาไว้เพราะท่านมรณภาพผ่านล่วงเลยไปร้อยกว่าปีแล้ว อยู่มาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๐ ได้มีพระภิกษุสงฆ์ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา คิดกันขึ้นมา ได้สร้างธาตุเจดีย์ ใส่บรรจุอัฐ กระดูกของหลวงพ่อบุคคโล เก็บบรรจุเอาไว้เป็นที่เคารพ กราบไหว้บูชาให้ได้เห็น เป็นรูปนามธรรม ของเหล่าศาสนิกชน ตลอดมาจนถึงปัจจุบันทุกวันนี้ อยู่ต่อมามีพระอธิการสมบุญ โสภะโณ เป็นเจ้าอาวาสวัด ช่องกุ่มเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๓ อยู่มานานหลายปี ท่านก็มีความคิดพร้อมเพรียงกันกับภิกษุและสามเณร อุบาสก อุบาสิกา กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ญาติ โยม ได้ลงความเห็นพร้อมใจกันว่า วัดอยู่ใกล้บ้านมีแต่เสียบรบกวนไม่มีความสงบ จะเจริญเมตตาภาวนาปฏิบัติธรรมต่อไปไม่ได้ เพราะวัดอยู่ใกล้ชิดกับหมู่บ้าน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๔ พระ อธิการสมบุญ โสภะโณ ก็ได้คิดริเริ่มได้พาพรภิกษุและสามเณร อุบาสก อุบาสิกา กํานันผู้ใหญ่บ้าน ญาติ โยม ทั้งหลายได้ช่วยกันจัดหาสถานที่ จะได้ทําการหาอุปกรณ์ต่าง ๆ จะได้ทําการก่อสร้างวัดใหม่ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๖ ก็ร่วมใจกันสร้างวัด ศาลา กุฏิวิหาร เป็นที่อยู่อาศัยศึกษาธรรมวินัยของพระภิกษุ สามเณร เสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาฤกษ์งามยามดี มีพระครูศรีละคุณวัฒนาทร เจ้าคณะตําบลหนองหมากฝ้าย อําเภอวัฒนานคร เป็น ประธานพร้อมพระอธิการสมบุญ เจ้าอาวาสวัด อุบาสก อุบาสิกา กํานันผู้ใหญ่บ้าน ญาติ โยม ทั้งหลายไปขอ กําลังรถยกบริษัททองสิน ไปยกเอาธาตุของหลวงพ่อบุคคโล อยู่ที่วัดเก่าเพื่อเอามาไว้ที่วัดใหม่ ที่สร้างขึ้นใหม่ใน สมัยพระอธิการสมบุญ เจ้าอาวาสวัด รถก็ยกธาตุหลวงพ่อบุคโลไม่ขึ้น ขารถยกก็อ่อนลงเป็นเพราะด้วยฤทธิ์เดช ของหลวงพ่อบุคคโล ท่านปาฏิหารย์เห็นทันตา มีลมมีฝนมืดมาเหมือนฝนจะตก ร่มเย็นตลอดทั้งวันเป็นที่น่า อัศจรรย์ ท่านบันดาลให้เห็นต่อหน้า ประชาชน ชาวพุทธศาสนิกชน ล้นหลั่งไหลได้แตกตื่น พากันมาดูให้เห็น ด้วยตาว่าธาตุหลวงพ่อบุคคโล มีอิทธิฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ เอารถไปยกเอาธาตุของท่านมาเฉย ๆ รถก็ยกไม่ขึ้น จากดินเพราะไม่ได้บอกกล่าวทําพิธีบวงสรวงเชิญวิญญาณของท่านเสียก่อน เห็นเป็นเช่นนั้นผู้เฒ่าผู้แก่เคยได้ เป็นลูกศิษย์ของท่านก็นึกคิดแปลกใจ จึงได้ไปเอาดอกไม้ธูปเทียน มาทําพิธีบวงสรวงและบอกกล่าวท่าน ขอ เชิญวิญญาณ อธิษฐาน ย้ายธาตุไปอยู่วัดที่สร้างขึ้นใหม่ ขอให้ดวงวิญญาณของหลวงพ่อจงมาช่วยคุ้มครอง ปก ปักษ์รักษา ญาติโยมและชาวบ้านทุกคน ขอให้อยู่ดีมีสุขเทอญ เมื่อเสร็จพิธีการบวงสรวงเรียบร้อยแล้ว รถก็ยก เอาธาตุขึ้นจากดินได้โดยง่าย ก็ได้เอาธาตุนั้นยกใส่รถเข็นไม้ซุง มีหมู่ชาวบ้านประชาชนช่วยกันแห่ห้อมพร้อมกัน เอาธาตุพระอาจารย์หลวงพ่อบุคคโล มาประดิษฐาน ตั้งไว้อยู่ในวัดช่องกุ่ม ที่ได้ย้ายออกมาจากเขตบ้าน หมู่ที่ ๒ มาอยู่ในเขตระหว่างหมู่บ้านที่ ๑ และหมู่บ้านที่ ๕ ติดต่อกัน มีภูมิปัญญาชนได้ช่วยกันพัฒนานําพา ประชาชน ไปเชิญแห่เอาธาตุหลวงพ่อ มาอนุรักษ์ไว้เป็นที่เคารพสักการบูชา กราบไหว้ ให้ได้สืบทอดต่อกันไว้ จนเท่าทุกวันนี